"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบริษัทจดทะเบียน(บจ) ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่า 100% พบส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เกือบทั้งหมด หลายบริษัทกำไรครึ่งแรกปี 63 มากกว่าทั้งปี 62 บางบริษัทเทิร์นอะราวด์แรง ประกอบด้วย
หุ้นที่นักวิเคราะห์คาดปี 63 กำไรโตเกิน 100%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไรปี 62 (ลบ.)
|
กำไร H1/63 (ลบ.)
|
STA
|
-148.54
|
1,947.85
|
STGT
|
634.3
|
1,478.66
|
ASIAN
|
132.7
|
405.04
|
SINGER
|
165.89
|
201.9
|
LOXLEY
|
-755.81
|
162.71
|
SQ
|
1.11
|
152.52
|
ILINK
|
124.39
|
130.24
|
WICE
|
61.97
|
85.53
|
BJCHI
|
47.21
|
20.09
|
DEMCO
|
34.96
|
-7.96
|
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
|
*** STGT หุ้นน้องใหม่กำไรแรงมาก
บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT หุ้นน้องใหม่ที่แนวโน้มกำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดด ตามความต้องการถุงมือยางทั่วโลก ซึ่งบทวิเคราะห์ทุกสำนักประเมินกำไรปีนี้พุ่งไกลระดับ 5.9-9.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 634 ล้านบาท เติบโตหลายเท่าตัว
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้เป็น 5,936 ล้านบาท เติบโต 922% จากปีก่อน เดิมคาดกำไรปีนี้ 4,245 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายถุงมือยางปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการ ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดกำไรสุทธิของ STGT จะเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องในอีก 4 ไตรมาสเป็นอย่างน้อย เพราะมีคำสั่งล่วงหน้าจนถึงปี 2564 ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นมาก จากเดิมที่กำหนดราคาขายเฉลี่ยไตรมาส 3-4/63 ไปแล้วที่ 35-40 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1,000 ชิ้น แต่ราคาเฉลี่ยครึ่งปีหลังจะขึ้นไปถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1,000 ชิ้น คาดกำไรปี 63-64 อยู่ที่ 6,267 ล้านบาท และ 9,796 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 ขึ้นถึง 133.1% และ 193.6% สะท้อนการปรับสมมติฐานราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 63-64 ระดับ 20.6% และ 35% ตามลำดับ โดยจะทำให้กำไรสุทธิปี 63 อยู่ที่ 9,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,435.5% และปี 64 อยู่ที่ 13,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.4%
*** STA เทิร์นอะราวด์แรง
บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) บริษัทแม่ของ STA นักวิเคราะห์ลงความเห็นตรงกันว่าจะเป็นปีที่กำไร "เทิร์นอะราวด์" แรง สะท้อนจากงบครึ่งแรกปี 63 ทำได้ระดับ 1,947.85 ล้านบาท จากปี 62 ที่ทั้งปีขาดทุน 148.54 ล้านบาท ซึ่งได้รับอานิสงส์จากธุรกิจถึงมืออย่างที่เติบโตก้าวกระโดด ตามความต้องการทั่วโลกเพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19
บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดปีนี้กำไรทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของ STGT คาดกำไรสุทธิปีนี้ทำได้ระดับ 6,234 ล้านบาท
ด้าน บล.ยูโอบีเคย์เฮียน ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 63 เป็น 6,034 ล้านบาท โดยจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญช่วงครึ่งปีหลัง ตามราคาขายถุงมือยางที่เพิ่มขึ้น
*** SQ กำไรโตกว่า 20,000%
นักวิเคราะห์คาด บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตมากกว่า 20,000% อยู่ที่ระดับมากกว่า 200 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 1.11 ล้านบาท เนื่องจากจะรับรู้รายได้เต็มที่จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 และ โครงการเหมืองหงสา ซึ่งได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการ ส่งผลต่อศักยภาพปริมาณการผลิตและการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) สูงระดับ 2.6 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ถึงปี 2569
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิปีนี้ 236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนที่ทำได้เพียง 1.11 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 เติบโตต่อเนื่องเป็น 250 ล้านบาท
ส่วนบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรปี 63-64 อยู่ที่ 260 ล้านบาท และ 320 ล้านบาท ตามลำดับ
ฟาก บล.เอเชีย เวลท์ คาดกำไรสุทธิปี 63-64 ที่ 206 ล้านบาท และ 291 ล้านบาท ตามลำดับ
*** DEMCO กำไรพุ่งกว่า 500%
"นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์" นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.เอเซีย พลัส ประเมินกำไรกำไรสุทธิ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) ที่ 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 500% จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 34.96 ล้านบาท เพราะมีรายจ่ายพิเศษจากการซ่อมฐานกังหันงวดสุดท้าย โดยปีนี้จะรับรู้รายได้จากงานในมือกว่า 3.3 พันล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกจะยังขาดทุน แต่ถือเป็นจุดต่ำสุดและจะเริ่มพลิกกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เนื่องจากจากธุรกิจ EPC ได้เลื่อนส่งมอบงานมาเป็นครึ่งปีหลัง เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 โดยจะมีการส่งมอบงานมากขึ้นช่วงครึ่งปีหลังทั้งงาน EPC และ Trading รวมถึงเข้าสู่ฤดูกาลของความเร็วลมซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น คาดกำไรไตรมาส 4/63 จะทำจุดสูงสุดของปี โดยระหว่างทางจะมีอัปไซด์สำคัญหากชนะประมูลงานใหม่
คาดกำไรสุทธิปี 63-65 ที่ 207 ล้านบาท, 211 ล้านบาท และ 212 ล้านบาท ตามลำดับ บนสมมติฐานรับรู้งานในมือปีละไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท
*** ASIAN กำไร H1/63 โตกว่าทั้งปี 62 ถึง 200%
นักวิเคราะห์ ประเมิน บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) จะมีกำไรสุทธิปีนี้ระดับ 700-800 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 132.70 ล้านบาท โดยครึ่งปีกแรกทำได้แล้วถึง 405.04 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนทั้งปีกว่า 200%
บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ธุรกิจของ ASIAN ได้รับผลบวกจากความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัทมีการปรับปรุง Product Mix ได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อมาร์จิ้น โดย ณ ไตรมาส 2/63 อัตรากำไรขึ้นต้นทำสถิติใหม่ที่ 18.9% โดยประเมินว่าผลประกอบการครึ่งหลังปี 63 จะดีขึ้นต่อเนื่อง และกำไรสุทธิมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 800 ล้านบาท
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้เป็น 702.8 ล้านบาท จากเดิม 490.8 ล้านบาท เพราะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มดีและเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่การเปลี่ยนโครงสร้างจากสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย การที่ ASIAN สามารถดำเนินการได้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจที่สำคัญ
*** BJCHI ลุ้นกำไรโตกว่า 256%
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิปีนี้แตะ 163 ล้านบาท เติบโต 256% แม้ครึ่งปีแรกจะทำได้เพียง 20.09 ล้านบาท โดยจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีงานในมือรอรับรู้รายได้ถึง 3.5 พันล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี
ขณะที่ BJCHI มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้เงินกู้ โดยเตรียมประมูลงานเพิ่มมูลค่าสูงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และในช่วงไตรมาส 3/63 มีโอกาสได้งานเพิ่มอีกประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากลูกค้าเดิม ด้านงานเหมืองแร่ในออสเตรเลียจะได้งานเพิ่มอีก 10-15% และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน จะทำให้โครงการในสหรัฐฯ หลายโครงการติดต่อเข้ามา
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าบัญชีซึ่งอยู่ระดับ 2.30 บาท เท่ากับราคาเหมาะสม ประกอบกับคาดให้เงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ปีนี้ระดับ 5.6%
*** WICE งานทะลัก กำไรทะยาน
บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำไรครึ่งแรกปี 63 ทำได้มากกว่าปี 62 ทั้งปี
บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดกำไรสุทธิปีนี้ระดับ 201 ล้านบาท เติบโต 224% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากลูกค้ากลุ่มหลักคือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้อานิสงส์จากกระแส Work from home และ 5G ขณะที่ลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง ทั้งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และกำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะกลาง คาดกำไรปี 64 จะขึ้นไปที่ระดับ 450 ล้านบาท
ด้าน บทวิเคราะห บล.เอเซีย พลัส คาดว่า รายได้ปีนี้จะทะลุเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากงานขนส่งสินค้าเติบโตก้าวกระโดดทั้งกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ขณะเดียวกันธุรกิจ Cross Border ถึงจุดคุ้มทุนและเริ่มทำกำไรให้กับบริษัทแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการใหม่ จากเดิมคาดกำไรสุทธิปีนี้ 137 ล้านบาท เติบโต 121%
*** ILINK โตเท่าตัว
บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาด บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) จะมีกำไรปีนี้ระดับ 257 ล้านบาท เติบโต 106% โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 130.24 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 124.39 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตทุกสายธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม Networking ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกันมีการบริหารค่าใช้จ่ายให้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ระดับ 18% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่องทั้งเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
*** SINGER ขึ้นแท่น Growth Stock
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) พิสูจน์ตัวเองว่าเป็น Growth Stock ด้วยกำไรครึ่งแรกปี 63 ที่ระดับ 201.9 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนทั้งปี สวนทางกับตลาดฯ และ กลุ่มอุตสาหกรรม สูงสุดในรอบ 23 ปี
โดยมองว่า ครึ่งปีหลัง 63 จะมีแรงหนุนต่อจากโมเมนตัมกำไรที่กำลังยกฐานและเติบโตเท่าตัวจากปีก่อนตามการขยายทีมขายกระจายทั่วประเทศ ขณะที่สินเชื่อ C4C ที่เติบโตทุกไตรมาส ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐน้อยกว่ากลุ่มฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้ระดับ 405 ล้านบาท เติบโต 144% จากปีก่อน และจะโตต่อเนื่องในปี 64 ที่ระดับ 454 ล้านบาท และปี 65 ที่ 536 ล้านบาท
*** LOXLEY ฟื้นกระโดด
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) จะสร้างกำไรสุทธิปีนี้ระดับ 213 ล้านบาท ซึ่งปรับขึ้นจากเดิม 147% หลังกำไรครึ่งแรกปี 63 ทำได้ระดับ 162.71 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากรายได้ธุรกิจสายพลังงานและธุรกิจเทรดดิ้งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารลดลงอย่างจากการปรับโครงสร้างองค์กรเมื่อปี 62 ขณะเดียวกันส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมส่วนใหญ่ผลประกอบการดีขึ้น
นอกจากนี้ถูกกระทบจำกัดจากโควิด-19 โดยคาดว่าผลประกอบการจากนี้จะก้าวไปสู่ทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนที่ขาดทุน 755.81 ล้านบาท โดยประเมินกำไรสุทธิปี 63-64 ที่ 213 ล้านบาท และ 244 ล้านบาท ตามลำดับ
*** กูรูแนะเช็คมูลค่าพื้นฐานก่อนลงทุน
"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้กลุ่มหุ้นข้างต้นจะมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดีท่ามกลางภาวะวิกฤตทั้งโควิด-19 และ เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากราคาหุ้นบางบริษัทอาจจะใกล้เต็มหรือเกินมูลค่าพื้นฐานเหมาะสมแล้ว
"ราคาหุ้นมักจะวิ่งนำพื้นฐานเสมอ ตามความคาดหวังของนักลงทุน แต่มีความเสี่ยงแฝงอยู่ เพราะหากกำไรไม่เป็นไปตามคาดการณ์ แรงกระแทกด้านลบอาจจะมากเช่นกัน ซึ่งต้องดู Valuation ที่เหมาะสมด้วยหากจะเข้าลงทุน"
ด้าน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า อีกปัจจัยสำคัญนอกจากการเติบโตของกำไร คือการประเมินมูลค่าหุ้น บางบริษัทราคาอาจจะปรับตัวขึ้นไปพอสมควรแล้ว ทำให้อัพไซด์เริ่มจำกัด เพราะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามความคาดหวังของผลประกอบการ ซึ่งมีความเสี่ยงโดนแรงขายทำกำไรสูง หากมีปัจจัยลบมากระทบบริษัทหรือภาวะตลาดโดยรวม ต้องระมัดระวัง
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ (IAA Consensus) ณ 3 ก.ย.63 พบว่า เกินครึ่งยังมีอัพไซด์ของราคาเหมาะสมเฉลี่ยเทียบกับราคาล่าสุดมากกว่า 20% ขณะที่มีถึง 5 บริษัทที่มีแนวโน้มอัตราเงินปันผลตอบแทนปี 63 มากกว่า 4%
ข้อมูล Valuation หุ้นนักวิเคราะห์คาดกำไรโตเกิน 100%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาล่าสุด (บ.)
|
ราคาเฉลี่ยเหมาะสม (บ.)
|
% อัปไซด์
|
%Div. Yield ปี 63
|
SQ
|
1.61
|
2.6
|
61.49
|
5.9
|
STA
|
27.25
|
38.36
|
40.77
|
4.4
|
STGT
|
72.75
|
99.68
|
37.02
|
2.3
|
ASIAN
|
10.5
|
13.61
|
29.62
|
5.1
|
LOXLEY
|
1.46
|
1.8
|
23.29
|
3
|
SINGER
|
14.4
|
17.7
|
22.92
|
3.9
|
BJCHI
|
1.68
|
1.98
|
17.86
|
6.6
|
WICE
|
4.92
|
5.61
|
14.02
|
4.4
|
ILINK
|
5.05
|
5.68
|
12.48
|
1.8
|
DEMCO
|
2.88
|
3.2
|
11.11
|
1
|
ที่มา : IAA Consensus ณ 3 ก.ย.63
|
0 Response to "ส่อง 10 บจ.กำไรปีนี้โตเกิน 100% อัปไซด์-ปันผล แจ่ม - efinanceThai"
Post a Comment