หุ้น CK เริ่มเข้ามาอยู่ในความสนใจของนักลงทุน แม้ในช่วงครึ่งปีหลังผลงานจะเริ่มฟื้นตัวตามบริษัทย่อยอยู่แล้ว แต่งานก่อสร้างจำนวนมากที่จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 63 - 64 เป็นที่น่าจับตามากกว่า! สำหรับ CK ที่มีงานในมือน้อยมากเพียง 3.3 หมื่นลบ. ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก "ชนะประมูล" โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายที่มีโอกาสได้รับงานสูง!
*** ราคาหุ้นกระโดดนิวไฮรอบ 3 เดือน แต่ยังช้ากว่า STEC
ราคาหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ในวันทำการล่าสุด(5 มิ.ย.)กระโดดขึ้นมาทำจุดสูงสุดของวันไปถึง 19.70 บาท ทุบสถิตินิวไฮรอบ 3 เดือน และปิดตลาดไปที่ 19.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท หรือ +7.73% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 293.68% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้านี้
สาเหตุหนึ่งก็คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของบริษัทย่อยต่างๆ อย่างเช่น BEM ที่ได้อานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเป็นช่วงพีคของการผลิตไฟฟ้าตามฤดูกาลของ CKP ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการฟื้นเด่นตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไปนั่นเอง
แม้ราคาหุ้นของ CK จะขึ้นมาทำนิวไฮรอบ 3 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถือว่าฟื้นตัวขึ้นมามากนัก หากเทียบกับคู่แข่งที่มีความสามารถใกล้เคียงกันอย่าง STEC ที่ทำนิวไฮรอบเกือบ 4 เดือนไปแล้ว เพราะสิ่งที่นักลงทุนยังคงกังวลอยู่ก็คือ งานในมือ(Backlog)ที่ต่ำมากนั่นเอง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มีงานในมืออยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับรายได้ในอดีตที่ 2.6 - 4.7 หมื่นล้านบาทต่อปีแล้วนั้น เท่ากับว่างานในมือจะรองรับรายได้ไม่ถึงหนึ่งปี!
*** สำรวจโอกาสเพิ่มงานในมือ
งานในมือต่ำถือเป็นประเด็นที่ครอบงำหุ้น CK มานานมาก และยิ่งในช่วงโควิด-19 ที่งานออกสู่ตลาดน้อยยิ่งทำให้บริษัทไม่น่าสนใจ แต่ในขณะนี้ทุกอย่างเริ่มมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น จากปริมาณงานประมูลที่เริ่มทยอยมีความชัดเจนมากขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ปัจจุบันมีงานที่ CK เริ่มเข้าประมูลได้ในระหว่างปี 63 - 64 รวม 2.83 แสนล้านบาท และมีโอกาสที่จะเป็นผู้ได้รับงาน และคาดว่าจะได้ความคืบหน้าภายในปีนี้
1)โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย 9 หมื่นลบ. : คาดว่าทางภาครัฐเตรียมขายซองประมูลภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า และขั้นตอนการประมูลรวมถึงได้ชื่อผู้ชนะการประมูลคาดเกิดขึ้นได้ภายในปี 2563 โดยมีวงเงินเฉพาะก่อสร้าง 9 หมื่นล้านบาท
2)งานรถไฟทางคู่และงานอุโมงค์ระบายน้ำ รวม 8.1 หมื่นลบ. : คาดเห็นความคืบหน้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยงานรถไฟทางคู่เฟส 2 โครงการที่คาดเห็นความคืบหน้า มี 2 เส้นทางคือ 1.จิระ-อุบลราชธานี 2.ขอนแก่น-หนองคาย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีความต่อเนื่องกับรถไฟไทย-จีน วงเงินโดยรวมของทั้ง 2 เส้นทางที่ 6.3 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานอุโมงค์ระบายน้ำ 4 แห่ง วงเงินโดยรวม 1.8 หมื่นล้านบาท โดยคาดเห็นความคืบหน้า 3 แห่ง ภายในปี 63
3)งานจากเอกชน 2 โครงการ รวม 1.12 แสนลบ. : ได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ประเทศลาว วงเงินกว่า 1 แสนล้านบาท 2.งานโครงการทางด่วน Yangon Elevated ที่ประเทศเมียนมาร์ วงเงินราว 1.2 หมื่นล้านบาท เตรียมขาย TOR เดือน ส.ค. คาดเห็นความคืบหน้าภายในปี 63
*** ลุ้นรถไฟฟ้าสีส้ม - รถไฟความเร็วสูง ต่อชีวิต
บล.เคจีไอ ระบุว่า เนื่องจากโครงการภาครัฐหลายโครงการถูกชะลอออกไปในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เรามองว่าโครงการที่มีศักยภาพสูงที่สุดที่จะเดินหน้าเข้าสู่เฟสของการเปิดประมูลได้เร็วมีแค่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเท่านั้น เพราะโครงการอื่น ๆ ยังต้องรอการอนุมัติ และมีการปรับรายละเอียดโครงการ รวมถึงแนวทางการลงทุน
ทั้งนี้เราคาดว่ามีสองกลุ่มที่จะเข้าแข่งประมูลโครงการนี้ คือ กลุ่ม CK และ BEM กับกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ซึ่งประกอบด้วย BTS, GULF, STEC และ RATCH ร่วมกับ China Harbour Engineering เราคาดว่าโครงการนี้น่าจะออก TOR อย่างเป็นทางการได้ภายในเดือนนี้ ดังนั้นไม่ CK ก็ STEC น่าจะได้งานก่อสร้างจำนวน 9 หมื่นล้านบาทไป ซึ่งถ้าหาก CK ได้โครงการนี้ก็จะทำให้ยอด Backlog เพิ่มขึ้นสามเท่าด้วยกัน
ขณะที่ บล.เอเชียเวลท์ ระบุว่าปัจจุบัน CK อยู่ระหว่างเจรจาหาข้อสรุปโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งหากการเจรจาเสร็จสิ้น (คาดอยู่ช่วงไตรมาส 4/63) จะทำให้ Backlog ของ CK เพิ่มสูงขึ้นเป็น 9 หมื่นถึง 1 แสนล้านบาท เพียงพอรับรู้รายได้ไปอีกราว 3 ปี นอกจากนี้ยังมีลุ้นเข้าประมูลโครงการอื่นเพิ่มเติม ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก รถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เป็นต้น
*** งานประมูลต้องรอลุ้น แต่ผลงานไตรมาส 2/63 ทรุดแบบไม่ต้องลุ้น!
แม้ในระยะถัดไป CK จะมีความหวังจากการประมูลงานใหม่ๆ เพื่อพลิกผลประกอบการได้ แต่ในระยะสั้นๆอย่างไตรมาส 2/63 ผลประกอบการก็ยังออกมาขาดทุนอยู่ ซึ่งจะฉุดผลประกอบการทั้งปี 63 ลงไปด้วย
โดยที่บล.เคทีบี เราคาดผลการดำเนินงานของ CK ในไตรมาส 2/63 อาจขาดทุนต่อเนื่อง ทั้งจากผลการดำเนินงานบริษัทร่วม CKP และ BEM ที่จะปรับตัวลงต่อ และด้วย Backlog ของ CK ที่จะยังอยู่ในระดับต่ำราว 4 หมื่นล้านบาทในช่วงนี้ ทำให้ต้องปรับลดปรับประมาณการกำไรปกติปี 63 ลง -20% เป็น 543 ล้านบาท (-44% YoY) หลักๆจากการปรับลดส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม CKP และ BEM รวมลง -17% อยู่ที่ 700 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์รายได้ก่อสร้างที่ 2.1 หมื่นล้านบาท -9% YoY
ส่วนบล.เคจีไอ คาดว่า CK จะยังคงมีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่องในไตรมาส 2/63 แม้จะมีรายได้จากเงินปันผลจาก TTW เนื่องจากคาดว่ารายได้ equity income ที่รับจาก CKP จะยังต่ำเพราะอยู่ในช่วงหน้าแล้ง และ BEM จะยังต่ำเนื่องจากปริมาณการจราจรบนทางด่วน และผู้โดยสารรถไฟฟ้าถูกกระทบจาก พรก. ฉุกเฉิน และนโยบายให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน
*** ข่าวดีคือผลงานทั้งปีไม่ถึงขั้นขาดทุน
อย่างที่นักลงทุนทราบกันดีว่า ผลประกอบการ BEM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในครึ่งหลังของปีนี้ ตามการคลายมาตรการล็อกดาวน์ และปริมาณการผลิตไฟของ CKP ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นจะทำให้ผลประกอบการของ CK ฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังจนทำให้ผลประกอบการทั้งปีไม่ถึงขั้นขาดทุน โดยนักวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิในปีนี้ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 63 (ลบ.) |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม(บาท) |
คันทรี่ กรุ๊ป |
1,007(-43%) |
ซื้อ |
17.80 |
เอเชีย เวลท์ |
984(-44%) |
ซื้อ |
22 |
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง |
1,297(-27%) |
ซื้อเก็งกำไร |
24 |
หยวนต้า |
1,410(-20%) |
ซื้อ |
25.90 |
สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเจอหากลงทุน CK ในช่วงนี้ก็คือ ผลประกอบการที่จะออกมาย่ำแย่ในไตรมาส 2/63 และยังต้องลุ้นผลประมูล 2 โครงการหลัก ที่มีความชัดเจนเร็วๆนี้ อย่างรถไฟฟ้าสีส้มส่วนต่อขยาย - รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพื่อกู้วิกฤติ Backlog ต่ำ ซึ่งโครงการเหล่านี้ก็เป็นที่ต้องการของ STEC คู่แข่งหลักเสียด้วย .... ดังนั้นหากนักลงทุนยังไม่พร้อมหรือมั่นใจว่า CK จะชนะประมูลได้ก็ควรถอยก่อนดีกว่า เพราะแม้จะมีโครงการอื่นๆรออยู่ แต่มูลค่าไม่ได้สูง และยังต้องรอไปอีกถึงเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้!
0 Response to "CK เข้าสู่ช่วงประมูลงาน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชนะ! - efinanceThai"
Post a Comment