Search

TU ซื้ออนาคต RLMH..แต่ความหวังนี้ต้องรอนานแค่ไหน? - efinanceThai

mscopcopcop.blogspot.com
TU ซื้ออนาคต RLMH..แต่ความหวังนี้ต้องรอนานแค่ไหน?

หุ้นเด่นวันนี้

TU ซื้ออนาคต RLMH..แต่ความหวังนี้ต้องรอนานแค่ไหน?

ราคาหุ้น TU วานนี้ปรับตัวลง หลังมีข่าวเตรียมเข้าลงทุนเพิ่ม 13.68% ใน RLMH ธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐฯที่กำลังได้รับผลกระทบโควิด-19 อย่างหนัก ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักมองคล้ายกันว่า RLMH ยังจะขาดทุนทุกไตรมาสที่เหลือของปี 63 นั่นจึงทำให้หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าการเข้าลงทุนเพิ่มของ TU ในช่วงนี้จะคุ้มค่าจริงหรือไม่? 

*** ราคาปิดลบ หลังเข้าลงทุนเพิ่มใน RLMH จำนวน 13.68%

ราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU วานนี้ (2 ก.ย.63) ปรับลดลงเล็กน้อย โดยปิดซื้อขายด้วยราคา 13.90 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.71% หลัง TU แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าได้เข้าลงทุนเพิ่มจำนวน 13.68% ใน Red Lobster Master Holdings (RLMH) โดยวานนี้ TU มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 90.29% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

*** ปรับโครงสร้างถือหุ้น RLMH หลังได้พันธมิตรใหม่

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ ผ่านมา TU ได้แจ้ง ตลท. ถึงการได้มาของหน่วยลงทุนสามัญจำนวน 1,040,000 หน่วย ซึ่งคิดเป็น 13.68% ของหน่วยลงทุนสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดก่อนการปรับลด ในบริษัท Red Lobster Master Holdings ผ่านบริษัท Thai Union Investments North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐฯ

โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุถึงการทำธุรกรรมดังกล่าวของ TU ว่า จะแล้วเสร็จภายในปลายเดือน ก.ย.63 ซึ่งก่อนหน้าดีลนี้ TU ถือหุ้น RLMH ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยถือหุ้นสามัญ 25% และถือหุ้นบุริมสิทธิ์ 24% โดยที่มาของเงินลงทุนครั้งนี้ มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 

ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุเพิ่มเติมว่า ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว จะมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในของ RLMH ใหม่ โดยกลุ่ม TU ยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 49% เท่าเดิม แต่อดีตผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง Golden Gate Capital ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% จะขายหุ้นให้พันธมิตรใหม่ คือ กลุ่ม Seafood Alliance จำนวน 36% ของทุนชำระแล้ว 

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้บริหารของ Red Lobster ที่ซื้อหุ้นจาก Golden Gate Capital อีก 15% ของทุนชำระแล้ว อีก 1 กลุ่ม

ส่วน บล.หยวนต้า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากธุรกรรมเสร็จสิ้นจะทำให้กลุ่ม TU กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ RLMH ในสัดส่วน 49% (25% ผ่านการถือหุ้นสามัญ และ 24% ผ่านการถือหุ้นบุริมสิทธิ์) ซึ่งเป็นสัดส่วนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนอายุของหุ้นบุริมสิทธิ์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 24% จาก 10 ปี เป็น 6 ปี และยังคงได้ปันผล 8% ตามเดิม

*** ถือหุ้นเท่าเดิม ระยะสั้นอาจเป็นเรื่องดี 

บล.บัวหลวง ระบุว่า แม้ TU จะเข้าลงทุนใน RLMH เพิ่ม แต่สัดส่วนการถือหุ้นยังเป็น 49% เท่าเดิม หมายความว่า TU จะไม่รับรู้ขาดทุนจาก RLMH เข้ามามากขึ้น ในช่วงที่ธุรกิจกำลังเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้ต้องรายงานขาดทุนสุทธิมาอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 63  

โดย บล.หยวนต้า มองว่า ช่วงที่เหลือของปี 63 RLMH จะยังขาดทุนในทุกไตรมาส แต่อาจลดลงจากไตรมาส 2/63 เนื่องจาก RLMH กลับมาให้บริการ ร้านอาหารครบทุกสาขาแล้ว แต่มี 80% ของสาขาทั้งหมด ที่กลับมาให้บริการลูกค้านั่งรับประทานในร้านได้ 

อย่างไรก็ตาม RLMH ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการ Social distancing ซึ่งทำให้ยอดขายต่อสาขาต่ำกว่าภาวะปกติราว 40 - 50% โดย RLMH เน้นกลยุทธ์ลดต้นทุนทางการตลาด ซึ่งเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น จากเดิมที่ทำผ่านโทรทัศน์เป็นหลัก และยังลดต้นทุนการดำเนินงานด้วยการลดจำนวนพนักงานราว 25% 

สอดคล้องกับ บล.ทิสโก้ ที่ประเมินว่า ในระยะสั้นธุรกิจร้านอาหารในสหรัฐฯยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของ RLMH ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน


*** TU มอง RLMH ทำกำไร 50 ล้านเหรียญ/ปี ในอนาคต

บล.กรุงศรี มองว่า จากการได้พันธมิตรใหม่อย่าง Seafood Alliance ที่มีผู้ถือหุ้นหลัก อย่าง Pual Kenny อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Minor Food และ นาย ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MK Restaurants ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในอนาคตของ RLMH ได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกัน ผู้บริหาร TU มองว่า RLMH ยังคงสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานให้ TU ราว 50 ล้านเหรียญต่อปี (ประมาณ 1.5 พันล้านบาท) หากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯคลี่คลายลง

ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ธุรกิจของ RLMH ในปัจจุบัน เริ่มได้ประโยชน์จากการคลายล็อกดาวน์ และได้เพิ่มมาตรการต่างๆ ด้านความปลอดภัย อาทิ การส่งอาหาร หรือ การสั่งอาหารแบบไร้การสัมผัส และนำเสนอเมนูใหม่ ขณะที่การได้พันธมิตรใหม่ อาจทำให้ RLMH สามารถฟื้นแบรนด์ได้ไม่ยาก

ส่วน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุเพิ่มเติมว่า ผู้บริหาร TU ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของ RLMH ในระยะยาว โดยคาดว่าจะทำกำไรได้ดีขึ้น ซึ่งตั้งแต่เข้าซื้อหุ้น RLMH เมื่อไตรมาส 4/59 RLMH ทำกำไรส่วนเพิ่มให้กับ TU ประมาณ 6.5% และมองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า  RLMH จะทำกำไรจากการดำเนินงานให้ TU ราว 150 ล้านเหรียญ (ประมาณ 4.5 พันล้านบาท) หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง

*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"เนื่องจากยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของ TU ยังดีต่อเนื่อง และเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มกำไรทั้งปี 63 เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 62 ในช่วงที่หลายบริษัทถูกการแพร่ระบาดโควิด-19 ฉุดการทำกำไรลดลง 

ขณะที่ดีล RLMH แม้ในช่วงปีนี้อาจจะขาดทุน แต่การได้พันธมิตรใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจร้านอาหารเข้ามา ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักมองคล้ายกันว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของ RLMH ในระยะยาว  

บล.  คำแนะนำ ราคาเหมาะสม(บ.)
ทิสโก้ ถือ 14.50
ดีบีเอสวิคเคอร์ส ซื้อ 17.10
ยูโอบีเคย์เฮียน  ซื้อ 17.50
กรุงศรี ซื้อ 17.60
ทรีนีตี้ ซื้อ 18.40
บัวหลวง ซื้อ 19.70
ราคาเฉลี่ย 17.46 

แม้ว่าธุรกิจร้านอาหารของ RLMH ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯอย่างหนัก แต่ TU มั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าว ยังมีศักยภาพสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้ปีละประมาณ 50 ล้านเหรียญ หากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯคลี่คลายลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ TU คิดไว้ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และจะต้องรอนานแค่ไหน...

ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม


Let's block ads! (Why?)




September 03, 2020 at 09:25AM
https://ift.tt/2QOAEpH

TU ซื้ออนาคต RLMH..แต่ความหวังนี้ต้องรอนานแค่ไหน? - efinanceThai

https://ift.tt/3gXnEKd


Bagikan Berita Ini

0 Response to "TU ซื้ออนาคต RLMH..แต่ความหวังนี้ต้องรอนานแค่ไหน? - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.