แม้ว่า TOP จะพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิ 2.48 พันลบ. ใน Q2/63 แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าครึ่งปีหลังธุรกิจโรงกลั่นยังคงถูกกดดันจากค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ราคาหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบมาร่วม 2 เดือน แถมล่าสุดยังประกาศงดจ่ายปันผลระหว่างกาลด้วย ยิ่งทำให้หุ้น TOP ดูหมดเสน่ห์ทันที...แต่ทั้งปียังเหลืออะไรให้ลุ้นบ้าง ต้องติดตาม!
*** ราคาปิดลบตอบรับงดจ่ายปันผลระหว่างกาล
หลังจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ประกาศงดจ่ายปันผลระหว่างกาล เมื่อวันทำการก่อนหน้า (21 ส.ค.63) ราคาหุ้นก็ตอบรับด้วยการร่วงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 40.75 บาท ก่อนปิดซื้อขายไปด้วยราคา 41.25 บาท ลดลง 1 บาท หรือ -2.37% สวนทางดัชนีหุ้นไทย(SET Index) ที่ปิดบวก โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 265.04% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
*** กำไรโค้งสอง อาจเป็นภาพลวงตา
ต้องยอมรับว่าการรายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 1.38 หมื่นล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/63 ของ TOP ทำให้ปี 63 เป็นปีที่หนักหนาสาหัสเอาการ โดยแม้ว่าไตรมาส 2/63 TOP จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 2.48 พันล้านบาท แต่ยังต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 13% และยังคงห่างไกล ที่จะทำให้ผลประกอบการทั้งปี ฟื้นกลับมามีกำไรสุทธิได้จากการดำเนินงานปกติ
โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า หากหักรายการพิเศษ จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 2 พันล้านบาท, กำไรอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยง 344 ล้านบาท, และกำไรสต็อกน้ำมันรวม NRV จำนวน 1.1 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานปกติของ TOP จะยังขาดทุนราว 8 ร้อยล้านบาท
*** แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ?
บล.ทิสโก้ คาดว่า ในช่วงไตรมาส 3/63 ผลประกอบการของ TOP ยังคงอ่อนแอ เนื่องจากราคาพรีเมี่ยมของน้ำมันดิบเมอร์เบิน ที่พลิกจากมีส่วนลด 4.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 2/63 เป็น 1.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 3/63 ทำให้คาดว่า การดำเนินงานของกลุ่มโรงกลั่น จะยังคงอ่อนแอจากค่าการกลั่นที่ประเทศสิงคโปร์ยังติดลบ
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า ที่ระบุว่า การเติบโตของ TOP ในช่วงไตรมาส 3/63 ยังต้องพึ่งพาการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันเป็นหลัก เนื่องจากคาดผลการดำเนินงานหลักยังอยู่ระดับต่ำ เพราะค่าการกลั่นจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยถูกกดดันจากต้นทุนน้ำมันของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่คิดเป็นสัดส่วน 60% ของกระบวนการผลิตทั้งหมดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยน้ำมันชนิด Arab light OSP ของซาอุดิอาระเบีย พลิกจากการมีส่วนลด 5.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 2/63 มาอยู่ที่ 0.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 3/63 ขณะเดียวกัน ผลต่างระหว่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ยังถูกกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ อัตรากำไรของธุรกิจอะโรมาติกส์ จะถูกกดดันจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมี ทั้งพาราไซลีน และ แนฟทาที่ลดลง เพราะความต้องการใช้ยังอยู่ในระดับต่ำ และปริมาณสินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูง
*** เหลืออะไรให้ลุ้นบ้าง?
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่าผลประกอบการปี 63 ของ TOP อาจต้องขาดทุนราว 4 - 5 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าธุรกิจครึ่งปีหลังยังคงชะลอตัว ซึ่งจะไม่สามารถชดเชยการรายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 1.38 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 1/63 ได้
แต่ล่าสุด บล.ทรีนี้ตี้ ระบุว่า เมื่อวันทำการก่อนหน้า (21 ส.ค.63) TOP และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ประกาศปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC โดย TOP จะขายหุ้นที่ถืออยู่ใน GPSC จำนวน 8.91% ให้กับ PTT
และจะทำให้ TOP บันทึกกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวประมาณ 5 พันล้านบาท ภายในไตรมาส 4/63 ซึ่งการบันทึกกำไรจำนวนดังกล่าว อาจเพียงพอให้ผลประกอบการปี 63 ของ TOP พลิกกลับมามีกำไรได้ในทันที
นอกจากนี้ PTT ยังได้โอนกิจการทั้งหมดของบริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด(TP) ให้แก่ TOP ซึ่ง TP ถือหุ้น GPSC ในสัดส่วน 20.78% และจะทำให้ TOP กลับไปถือหุ้น GPSC จำนวน 20.78%
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ"ขาย"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ขาย" แม้ว่า TOP จะเตรียมบันทึกกำไรจากการขายหุ้น GPSC แต่ต้องรอถึงไตรมาส 4/63 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าในระยะสั้น ราคาหุ้น TOP อยู่ในช่วงปรับฐาน และยังขาดปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี |
ขาย |
40.00 |
ทรีนีตี้ |
ถือ |
42.00 |
เอเซีย พลัส |
ขาย |
43.00 |
ราคาเฉลี่ย |
41.66 |
ต้องบอกว่าการเข้าลงทุนในหุ้น TOP ช่วงนี้อาจยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เนื่องจากราคาแกว่งตัวในกรอบแคบมาร่วม 2 เดือนแล้ว นอกจากนี้ ยังขาดปัจจัยหนุนราคาหุ้นในช่วงสั้น มิหนำซ้ำ TOP ยังประกาศงดจ่ายปันผลระหว่างกาลอีกด้วย ยิ่งทำให้หุ้นดูหมดสเน่ห์ไปในทันที
แต่หากนักลงทุนประเมินว่าตนเองสามารถถือหุ้นในระยะยาวได้ และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 63 ของ TOP จะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากการบันทึกกำไรขายหุ้น GPSC ในไตรมาส 4/63 ช่วงเวลานี้อาจเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าเก็บหุ้น เพราะราคา ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับต่ำหากเทียบกับในอดีต...
0 Response to "TOP จ่อบุ๊คกำไรขาย GPSC ..แต่ระยะสั้นขาดเสน่ห์! - efinanceThai"
Post a Comment