Search

STEC โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง..ครึ่งปีหลังเหลืออะไรให้ลุ้น? - efinanceThai

mscopcopcop.blogspot.com
STEC โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง..ครึ่งปีหลังเหลืออะไรให้ลุ้น?

หุ้นเด่นวันนี้

STEC โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง..ครึ่งปีหลังเหลืออะไรให้ลุ้น?

หลัง STEC ประกาศงบ Q2/63 แย่กว่าตลาดคาดราว 36% ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายสำนักรุมหั่นเป้าราคาเหมาะสม-กำไรปี 63 กันสนุกมือ ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังยังส่อแววเหนื่อยหนัก...เช่นนี้แล้ว STEC ยังเหลืออะไรให้ลุ้นอีกหรือไม่?. 

*** ราคาทำนิวโลว์รอบ 4 เดือน

ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC วานนี้ (19 ส.ค.63) ร่วงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ราคา 12.80 บาท ทำนิวโลว์ในรอบ 4 เดือน โดยปิดซื้อขายด้วยราคา 13 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 6.47% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 292.48% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า 

นอกจากนี้ราคาหุ้น STEC ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังประกาศงบไตรมาส 2/63 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.63 ออกมาแย่กว่าตลาดคาด 35 - 36% โดยมีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท ลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 14% จากไตรมาสก่อน

*** โค้งสองรถผ้าป่าคว่ำ

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่าผลประกอบการไตรมาส 1/63 จะเป็นจุดต่ำสุดในปีนี้ของ STEC จึงแนะนำให้เข้าซื้อเก็งกำไร โดยเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1/63 แต่แล้วความหวังกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่รายงานออกมาหดตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อน 

โดย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุถึงความผิดหวังในช่วงไตรมาส 2/63 ของ STEC ไว้ว่า แม้ STEC จะได้แรงหนุนจากเงินปันผลจาก บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จำนวน 52 ล้านบาท และเงินปันผลจาก บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE อีก 23 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 75 ล้านบาท  

แต่กลับถูกฉุดด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ลดลงเหลือเพียง 3.4% จาก 4.3% ในไตรมาสก่อน และ 5.1% ในปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นเป็น 270 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคาดว่าจะมีต้นทุนส่วนเพิ่มในงานก่อสร้างอีก นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังเพิ่มเป็น 215 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุเพิ่มเติมว่า STEC ชี้แจงถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดต่ำกว่าปกติในช่วงไตรมาส 2/63 ว่า บางส่วนเป็นรายการพิเศษ เช่น ค่าซ่อมเครื่องจักรอุปกรณ์ให้มีความพร้อมในช่วงหยุดงานจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ประมาณ 30 - 40 ล้านบาท 

นอกจากนี้ สัดส่วนรายได้จากงานรัฐสภา ยังกดดันกำไรขั้นต้นให้ลดลงเหลือ 3.4% จากปกติที่ควรทำได้ราว 5% ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นราว 60 - 70 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่าย ที่แบ่งมาจากกิจการร่วมค้า CKST ที่มีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น และมีเครื่องจักรบางส่วนที่ไม่ถูกใช้งาน จึงต้องรับรู้เป็นต้นทุนการบริหาร

*** งานรัฐฉุดกำไรขั้นต้นครึ่งปีหลังอยู่ในระดับต่ำ

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้จะคาดว่ารายได้ธุรกิจก่อสร้างของ STEC ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังสามารถขยายตัวได้ หนุนโดย Backlog ที่อยู่ในระดับสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท แต่ยังถูกกดดันด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 3.4% ซึ่งลดลงมาแล้ว 3 ไตรมาสติดต่อกัน 

สาเหตุ เกิดจากงานในมือที่มีมาร์จิ้นต่ำ เช่น งานรัฐสภา และค่าใช้จ่ายในการขายเทียบกับยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยประเมินว่า อัตรากำไรขั้นต้นของ STEC ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงทรงตัวในระดับต่ำ จากการเร่งงานรัฐสภา ซึ่งมีกำหนดส่งมอบงานในช่วงสิ้นปี 63  

สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นของ STEC ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ เนื่องจากงานรัฐสภายังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 63  

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า อัตรากำไรขั้นต้นของ STEC ในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งยังต่ำกว่าระดับปกติที่ 5% จากปัจจัย ถูกงานรัฐกดดันอัตรากำไรขั้นต้นลดลง


*** ราคามีอัพไซด์น้อย ลุ้นประมูลงานหนุนราคาพุ่งระยะสั้น

ราคาหุ้น STEC ในช่วง 10 วันทำการล่าสุด ถือว่าปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ราคาหุ้น STEC ขณะนี้ ถือว่ามีอัพไซด์น้อยมาก โดยต้องรอปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้น จากการผลักดันโครงการภาครัฐ ที่จะทยอยเปิดขายซองประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง

โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า STEC พร้อมเข้าสู่การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยายงานโยธา (บางขุนนนท์ - ศูนย์วัฒนธรรม) และงานวางระบบของทั้งเส้นทาง วงเงินเฉพาะงานก่อสร้างราว 9.6 หมื่นล้านบาท ซึ่ง STEC พร้อมประมูลร่วมกับพันธมิตร เข้าซื้อซองประมูลและรอยื่นซองประมูลวันที่ 24 ก.ย.นี้


 
นอกจากนี้ ยังมีงานที่ STEC ให้ความสนใจเข้าร่วมประมูล คือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อขยาย, รถไฟทางคู่ โดยคาดการประมูลจะทราบผลภายในปี 63-64 ซึ่งจะช่วยต่อยอดงานในมือของ STEC ให้มีความต่อเนื่อง ขณะที่ปี 65 มีงานจากสนามบินอู่ตะเภารองรับด้วยมูลค่างานกว่า 2 หมื่นล้านบาทแล้ว 

*** โบรกฯ รุมหั่นเป้ากำไรปี 63

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่พากันปรับลดเป้ากำไรสุทธิปี 63 ของ STEC ลงกันถ้วนหน้า เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดราว 36% ประกอบกับปีนี้ การแข่งขันในอุตสาหกรรมมีความรุนแรง ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 63 มีแนวโน้มลดลง

บล.  กำไรสุทธิปี 63 เดิม (ลบ.)  กำไรสุทธิปี 63 ใหม่ (ลบ.)
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง 962 764
เอเซีย พลัส 1,084  854
หยวนต้า   1,185  871
ฟินันเซีย ไซรัส 1,244  915
เคทีบี  1,298    1,100
กำไรสุทธิเฉลี่ย 1,154  900

 


*** โบรกฯ หั่นราคาเป้าหมาย ลดคำแนะนำเหลือแค่"ถือ"-"เก็งกำไร"

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ต่างปรับลดราคาเป้าหมายของ STEC ลงกันถ้วนหน้า และลดคำแนะนำเหลือเพียงแค่"ถือ" และ"เก็งกำไร" เนื่องจากมีความกังวลในประเด็นอัตรากำไรขั้นต้นของ STEC ที่ลดลง 3 ไตรมาสติดต่อกัน และมีแนวโน้มว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี

บล.  คำแนะนำเดิม ราคาเป้าหมายเดิม (บ.) คำแนะนำใหม่ ราคาเป้าหมายใหม่ (บ.)
ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 17.00 เต็มมูลค่า   120
ฟินันเซีย ไซรัส  ซื้อ  23.00  ถือ  14.80
เคทีบี  ซื้อ 17.40   ถือ   14.20
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เก็งกำไร   20   เก็งกำไร  18
หยวนต้า  เก็งกำไร   23.20 เก็งกำไร 22
ราคาเฉลี่ย 20.12    16.20  

ต้องบอกว่าการเข้าลงทุนหุ้น STEC ในช่วงนี้ อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เนื่องจากกำไรไตรมาส 2/63 ที่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดอย่างมาก ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังอัตรากำไรขั้นต้นยังถูกกดดันอยู่ในระดับต่ำจากงานรัฐฯ ดังนั้นความหวังเดียวที่ยังลุ้นได้ คือการเข้าประมูลงานใหม่ที่อาจหนุนราคาหุ้นพุ่งได้ในระยะสั้นเท่านั้น... 

ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม


Let's block ads! (Why?)




August 20, 2020 at 09:25AM
https://ift.tt/3aKx4Gq

STEC โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง..ครึ่งปีหลังเหลืออะไรให้ลุ้น? - efinanceThai

https://ift.tt/3gXnEKd


Bagikan Berita Ini

0 Response to "STEC โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง..ครึ่งปีหลังเหลืออะไรให้ลุ้น? - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.