กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ SPALI ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 49% จากผลกระทบโควิด-19 แต่ยอดขายเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลาย Q2/63 และนักวิเคราะห์หลายสำนักมองคล้ายกันว่า กำไรสุทธิช่วงครึ่งปีหลังจะโตแรงเกิน 100% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก...ดังนั้นตอนนี้เป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเข้าลงทุน SPALI แล้วหรือยัง?
*** ราคาปิดลบตาม SET Index
ราคาหุ้น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI วานนี้ (31 ส.ค.63) ร่วงไปทำจุดสูงสุดของวันด้วยราคา 16.60 บาท ก่อนปิดซื้อขายที่ราคา 16.80 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.75% ตามทิศทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 177.07% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SPALI และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลงยกแผง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่หมุนกลุ่มเล่น ไปหากลุ่มหุ้นที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นไม่มากนัก อย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์, สินเชื่อ, ท่องที่ยวโรงแรม และโรงพยาบาล เป็นต้น
*** โบรกฯ มอง SPALI ผ่านจุดต่ำสุดของปีแล้ว
SPALI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จำนวน 420 ล้านบาท ลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ราว 14% โดยมีสาเหตุหลักจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำได้เพียง 2.9 พันล้านบาท ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ในช่วงดังกล่าว
ทำให้ ครึ่งปีแรกของปีนี้ SPALI มีกำไรสุทธิรวมเพียง 1.2 พันล้านบาท ลดลง 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการแพร่ระบาดโควิด-19 กดดันยอดขายของ SPALI อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ บล.เอเชีย เวลท์ มองว่าผลประกอบการของ SPALI ในช่วงครึ่งปีแรกเป็นจุดต่ำสุดของปี หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนักในช่วงเดือน มี.ค. - เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลถึงจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการ และยอดขายที่ลดลง แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นการฟื้นตัวของยอดขายอย่างชัดเจนตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/63 เป็นต้นมา
*** ครึ่งปีหลังกำไรอาจโตมากกว่า 100%
บล.เคทีบี คาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังของ SPALI จะกลับมาเติบโตขึ้นราว 138% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากการมีคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ 4 โครงการที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ มูลค่ารวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดโอนโครงการแนวราบในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ตามยอดขายที่ฟื้นตัวตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
สอดคล้องกับ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ระบุว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังของ SPALI จะฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น จากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก โดยในช่วงครึ่งปีหลัง SPALI จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 21 แห่ง มูลค่ารวม 2.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 18 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ
โดย บล.เอชีย เวลท์ ประเมินว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ยอด Presales ของ SPALI จะเป็นไปตามเป้าหมาย 2.6 หมื่นล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกทำยอด Presales ได้ 1.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า ช่วงครึ่งปีหลัง SPALI ยังได้แรงหนุนจากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์คอนโดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ Supalai Park Talat Phlu Station มูลค่าโครงการ 1.9 พันล้านบาท ซึ่งมียอดจองแล้ว 47% ของโครงการ, โครงการ Supalai Loft Yaek Fai Chai Station มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งมียอดจองแล้ว 96% ของโครงการ
โครงการ Supalai Oriental Sukhumvit 39 มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมียอดจองแล้ว 57% ของโครงการ และโครงการ Supalai Prime Rama 9 มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ซึ่งมียอดจองแล้ว 32% ของโครงการ
โดยทั้ง 4 โครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของ SPALI เพิ่มขึ้น เนื่องจากคอนโดมิเนียม มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าโครงการแนวราบ ขณะเดียวกัน SPALI ยังจะรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบที่ล่าช้ามาจากปลายไตรมาส 2/63 ด้วย
*** แต่ยังมีเรื่องต้องกังวลอยู่บ้าง
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แม้ครึ่งปีหลัง SPALI จะมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดี แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน โดยการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Supalai Oriental Sukhumvit 39 ที่มีแผนส่งมอบในช่วงไตรมาส 4/63 เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงสุด 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 50% ของลูกค้าโครงการดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ
โดยหากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศยังไม่คลี่คลาย รัฐบาลไทยอาจยังคงมาตรการห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย และอาจส่งผลให้ลูกค้าชาวต่างชาติของ SAPLI ยกเลิกการจองโครงการดังกล่าว
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ลูกค้าชาวไทยของ SPALI ส่วนใหญ่อยู่ในระดับกลาง - ล่าง ซึ่งต้องพึ่งพาสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์ โดยอาจถูกกดดันจากปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น นำไปสู่การถูกธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธสินเชื่อ
*** โบรกส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมั่นใจว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของ SPALI จะเติบโตดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก จากจำนวนโครงการที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มากขึ้น และการรับรู้รายได้ที่ล่าช้าจากปลายไตรมาส 2/63
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
เก็งกำไร |
17.00 |
ดีบีเอส วิคเคอร์ส |
ถือ |
17.20 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
19.60 |
เคทีบี |
ซื้อ |
20.00 |
โนมูระ พัฒนสิน |
ซื้อ |
20.00 |
ราคาเฉลี่ย |
18.76 |
หากนักลงทุนมั่นใจว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังของ SPALI ที่นักวิเคราะห์มองว่าจะเร่งตัวขึ้นตามการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ และการเปิดตัวโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกถึง 125% จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น SPALI ให้พุ่งขึ้นได้ การเข้าลงทุนช่วงนี้อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/63 ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนได้เช่นกัน...
0 Response to "SPALI กำไรครึ่งปีหลังโตเกิน 100%..ได้จังหวะซื้อหรือยัง? - efinanceThai"
Post a Comment