ราคาหุ้น PTG ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ... หลังจากที่ถูกถล่มขายทันทีหลังประกาศงบไตรมาส 2/63 ออกมา แม้จะทำได้ดีที่สุดในกลุ่มสถานีบริการน้ำมันด้วยกัน แต่ราคาหุ้นกลับร่วงแรงไปเสียอย่างนั้น ... การเข้าลงทุนเพราะเห็นว่างบออกมาดีจะถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาดหรือไม่ ? แล้วการซื้อหุ้น PTG จะดีกว่าการไปสร้างปั๊มน้ำมันเองจริงหรือ? ต้องติดตาม!
*** ราคาหุ้นฟื้นได้เป็นวันที่สอง ... ก่อนหน้ามึนงบดีแต่ราคาร่วงแหลก
ราคาหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดตลาดวันนี้ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดรอบเช้าที่ 18.40 บาท หลังจากที่ราคาหุ้นพยายามขึ้นไปทดสอบระดับ 20 บาท แต่ไม่ผ่านและร่วงหนักมาตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา
PTG จะประกาศงบไตรมาส 2/63 แต่ก็ไม่สามารถพยุงราคาเอาไว้ได้ แม้จะถือว่าดีกว่ากลุ่มอย่างมากก็ตามโดยมีกำไรสุทธิไปที่ 509.9 ล้านบาท โตถึง 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) และโต 151% จากไตรมาสก่อนหน้า(QoQ) นอกจากนี้ยังประกาศออกมาดีกว่ากลุ่มมากอีกด้วย ดังนี้
บริษัท |
กำไรสุทธิ Q2/63 (ลบ.) |
YoY |
QoQ |
PTG |
510 |
+19% |
+151% |
ESSO |
-2,504 |
-170% |
+60% |
PTT |
12,053 |
-53% |
+875% |
BCP |
-1,910 |
-461% |
+59% |
โดยที่ราคาหุ้นปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.11% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 192.63 ล้านบาท แต่การซื้อหุ้นที่งบดีแต่ราคาร่วงแรงถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาดหรือไม่ ... มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกบ้าง ?
*** ซื้อตอนนี้ถือว่าผิดพลาดไหม ? ... ซื้อแล้วจะเป็นยังไงต่อ
..ผลงานครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อ..
จากการฟื้นตัวของผลประกอบการในไตรมาส 2/63 และบริษัทหลักทรัพย์(บล.)โนมูระ พัฒนสิน ที่ระบุว่าถึงแม้ PTG จะปรับเป้าการเติบโตในปี 63 ลงเล็กน้อย แต่ไม่เหนือความคาดหมายของเราและตลาด โดยเป้าล่าสุดคือ ปริมาณการขายน้ำมันเติบโต 6 - 10% YoY ปริมาณการขายก๊าซแอลพีจีเติบโต 15 - 20% YoY ส่วน EBITDA เติบโต 6 - 10% YoY ซึ่งการเติบโตที่ลดลงเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจรวมที่กระทบจากโควิด-19 นั่นเอง
ทั้งนี้บริษัทได้เปิดเผยว่า ปริมาณการขายน้ำมันในเดือนก.ค.63 ยัง +10% YoY ซึ่งเป็นบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่พ.ค.63 สะท้อนฐานลูกค้าซึ่งเป็นเกษตรกรและภาคขนส่งที่ได้รับผลกระทบไม่มากจากโควิด-19 ทั้งนี้คาด ปริมาณการขายน้ำมันในไตรมาส 3/63 จะโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งดีกว่าปีก่อนๆที่มักเป็น Low season ค่าการตลาดในครึ่งหลังของปีนี้คาดจะยังสูงในกรอบ 1.80 - 1.90 บาท (ครึ่งปีแรกอยู่ที่ราว 1.80 บาท) ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ไม่ผันผวน และไม่น่ามีการแทรกแซงราคาจากภาครัฐ
สำหรับยอดขายกลุ่ม LPG ถึงแม้ยอดขายกลุ่มยานพาหนะจะลดลง แต่ค่อยๆถูกทดแทนจากภาคครัวเรือนที่ทยอยเพิ่มขึ้น ภาพรวมทั้งปีจึงยังตั้งเป้า ปริมาณขายเติบโต 15-20% YoY ส่วนกลุ่มค้าปลีกเป็นส่วนที่ถูกกระทบจาก โควิด-19 ชัดเจนกว่ากลุ่มอื่น แต่จากสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้เพียง 1-2% ของรายได้รวม ผลกระทบจึงไม่มากต่อกำไรสุทธิ โดยแนวโน้มธุรกิจยังขาดทุน แต่คาดหวังธุรกิจค้าปลีกจะกลับมามีกำไรในปี 64 - 65 เริ่มจากร้านกาแฟพันธุ์ไทยและ Max Mart ตามลำดับซึ่งช้ากว่าแผนเดิมราว 1 ปี
..ได้รับปันผลระหว่างกาล ที่จ่ายเป็นครั้งแรกของบริษัท..
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทจ่ายปันผลมา โดย PTG ประกาศจ่ายปันผลที่ 0.20 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ จากกระแสเงินสดรับจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าปีละ 3 - 3.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0 - 2.2 บาทต่อหุ้น สำหรับการลงทุนเราเชื่อว่าบริษัทได้ผ่านช่วงของการลงทุนครั้งใหญ่ไปแล้ว ทั้งจากการขายบริการสถานีน้ำมันจากจำนวน 577 สถานีในปี 56 มาเป็นกว่า 2,000 สถานีในปี 63
..กำไรปีนี้ มีลุ้นถึงขั้น "โตYoY" หรือ "ลดลงเล็กน้อย"..
ด้วยแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่นหลังคลายล็อกดาวน์ทำให้นักวิเคราะห์มองกันว่ากำไรสุทธิของทั้งปี 63 มีโอกาสที่จะลดลงเล็กน้อยราว % หรืออาจเติบโตได้ YoY เลย ... แม้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีกำไรสุทธิจะทำได้เพียง 713 ล้านบาท ลดลง -25% YoY โดยประมาณการกำไรสุทธิเป็นดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 63 (ลบ.) |
YoY |
ทิสโก้ |
1,554 |
-038% |
โนมูระ พัฒนสิน |
1,500 |
-4% |
ทรีนีตี้ |
1,789 |
+14.6% |
*** ลงทุน PTG ดีกว่าสร้างปั๊มเอง ... จริงดิ ?
แม้จะมีนักลงทุนไม่มากที่ลงทุนในหุ้น แต่ก็มีความคิดที่จะลงทุนก่อสร้างสถานีบริการน้ำมันขึ้นมาเป็นของตนเองด้วยก็ตาม แต่ บล.ทรีนีตี้ กลับได้ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่นักลงทุนจะลงทุนสถานีบริการน้ำมันนั้นอาจต้องใช้เงินทุนถึงราว 15 - 20 ล้านบาท ต่อสาขาเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเทียบด้วยมาร์เก็ตแคป(Market Capital) ของหุ้น PTG กับจำนวนสาขาที่บริษัทมีทั้งหมดแล้ว (Market cap per station)จะเท่ากับว่า PTG มีมูลค่าอยู่ที่สาขาละ 13 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าการสร้างปั๊มน้ำมันเอง
แม้ในความเป็นจริงการลงทุน 2 รูปแบบนี้ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก เพราะการลงทุนในหุ้นเพื่อหวังเงินปันผลและการเติบโตของราคาหุ้น อาจไม่ได้รับอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับการเป็นเจ้าของกิจการ แต่ก็แลกมากับการไม่ต้องเข้าไปควบคุมกิจการของตัวเอง และมีสภาพคล่องที่สูงกว่ามาก
นอกจากนี้จากการนักวิเคราะห์หลายรายก็ยังแนะนำซื้อหุ้น PTG และให้ราคาเหมาะสมปี 64 เอาไว้สูงดังนี้
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม |
ทรีนีตี้ |
ซื้อ |
20 |
ทิสโก้ |
ซื้อ |
20 |
โนมูระ พัฒนสิน |
ซื้อ |
22 |
ฟินันเซีย ไซรัส |
ซื้อ |
22 |
*** "หนี้สูง" คือเรื่องที่ควรระวัง
แม้ PTG จะมีปัจจัยบวกที่รออยู่มาก แต่ข้อสังเกตของหุ้นตัวนี้ก็คือภาระหนี้สินที่สูงมากในปัจจุบัน แม้จะไม่ถึงขั้นที่ไม่สามารถบริหารจัดการได้แต่การจับตาประเด็นนี้เอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย โดยที่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า PTG มีระดับหนี้สินที่สูงจากการขยายกิจการต่อเนื่อง นอกจากนี้การนำมาตรฐานบัญชี TFRS 16 มาใช้ทำให้หนี้สินของบริษัทสูงขึ้น โดยอัตราหนี้สินต่อ EBITDA อยู่ที่ 5 เท่า
ณ สิ้น 6 เดือนมีหนี้สินในส่วนของเงินกู้ธนาคารและหุ้นกู้ที่จะต้องจ่ายภายใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 5.3 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีสภาพคล่องเป็นเงินสด 671 ล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งจึงคาดว่า PTG จำเป็นจะต้องนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระกับเจ้าหนี้เดิมเพื่อสนับสนุนแผนการลงทุนของบริษัท แต่เชื่อว่าความเสี่ยงจากการรีไฟแนนซ์นั้นอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้
คำตอบของคำถามที่ว่าลงทุนใน PTG ดีกว่าสร้างปั๊มเอง อาจขึ้นอยู่กับบริบท เพราะหากนักลงทุนสามารถหาทำเลได้ดีกว่า บริการได้ดีกว่า ผลตอบแทนก็สูงกว่าการลงทุนหุ้นเป็นไหนๆ แต่ความเสี่ยงก็มากขึ้นตามไปด้วย ทั้งเรื่องของสภาพคล่อง และการปรับกลยุทธ์หากธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ซึ่งการลงทุนในหุ้นชนะส่วนนี้ไปอย่างขาดลอย
ซึ่งหากนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้น PTG ผลประกอบการก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตาม ซึ่งในครึ่งหลังของปีนี้ก็มีแนวโน้มที่ดีอยู่ จนกำไรสุทธิปีนี้อาจลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ส่วนที่ต้องระวังก็คืออัพไซด์ไม่สูงมากนักแล้ว และหนี้สินที่สูงก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตาหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
0 Response to "ซื้อหุ้น PTG ดีกว่าสร้างปั๊มเอง...จริงหรือ? - efinanceThai"
Post a Comment