TACC มีอะไรใหม่...ทำไมราคาพุ่งไม่หยุด? - efinanceThai

mscopcopcop.blogspot.com
TACC มีอะไรใหม่...ทำไมราคาพุ่งไม่หยุด?

หุ้นเด่นวันนี้

อย่างที่ทุกท่านทราบกันอยู่แล้วว่าโควิด-19 ทำให้ยอดขายสาขาเดิม(SSSG)ของร้านสะดวกซื้อติดลบอย่างหนักในปีนี้ ฉุดตลาดเครื่องดื่มรวม 5 เดือนแรกปีนี้ของไทยติดลบถึง 7% ไปด้วย หากหันมามอง TACC ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งยอดขายร้านสะดวกซื้อ และตลาดเครื่องดื่มหดตัวก็ทำให้ดู"ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่" นัก แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งแรงแบบนี้ มีอะไรที่เราพลาดกันไปหรือเปล่า?

*** TACC ราคาพุ่ง! แม้ SSSG ของ 7-11 และตลาดเครื่องดื่มหดหนัก

ราคาหุ้นบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เมื่อวันทำการล่าสุด(3ก.ย.63) ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องทั้งวันไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 4.98 บาท ก่อนปิดตลดจะย่อตัวลงมาเล็กน้อยปิดไปที่ 4.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 3.77% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า และในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา TACC ราคาหุ้นยังเดินหน้าปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีถึง 35% ไปแล้วด้วย

แต่เป็นเรื่องเศร้าที่เราอยากจะบอกนักลงทุนว่าในเมื่อ TACC พึ่งพาการขายสินค้าผ่าน 7-ELEVEN ดังนั้นก็น่าจะต้องได้รับผลกระทบจากการหดตัวของ SSSG ของ CPALL ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวหนัก 3.5-7% ในปีนี้ด้วย

นอกจากนี้จากข้อมูลของ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าภาครวมตลาดเครื่องดื่มในช่วงครึ่งปีแรกติดลบ -7% และเป็นการติดลบในเครื่องดื่มทุกประเภท เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 กระทบต่อช่องทางการจำหน่ายร้านอาหาร ภัตราคาร ธุรกิจฟาสต์ฟู้ดส์

ซึ่งนางสาวจิรพรรณ คชฤทธิ์ ชูแสง รองกรรมการผู้จัดการ TACC ยอมรับว่ารายได้ในไตรมาส 2/63 จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่มั่นใจว่าจะสามารถรักษากำไรสุทธิให้ทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 42 ล้านบาท เนื่องจากหันมาเน้นขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น

*** แล้วมีอะไรใหม่? ทำไมหุ้นขึ้น .. ล่าสุดเตรียมปรับขนาดแก้วใหญ่ขึ้น หนุนกำไรปีนี้ยังโตสวน!

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคทีบี ระบุว่า จากการสอบถามผู้บริหารมีแผนปรับกลยุทธ์การตลาด เพิ่มขนาดแก้วที่ใหญ่ขึ้น (แก้วใหญ่ 22 oz.) จากเดิมที่มีขนาดเดียว (แก้วเล็ก 16 oz.) ซึ่งในเดือน มิ.ย.20 ขยายโปรโมชั่นออกไปเพิ่มอีก 650 สาขา จากเดิมที่ 1,500 สาขา จะเป็นปัจจัยที่หลักที่จะช่วยหนุนรายได้ ร่วมกับการบริหารต้นทุนจะทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นในปีนี้

และมีแผนขยายสินค้ารักสุขภาพ (Health&Wellness) ล่าสุดได้จับมือคู่ค้าที่ทำธุรกิจไร่ชาออแกนิค รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ Topping วุ้นว่านหางจระเข้ ขณะที่ผู้บริหารเชื่อว่าปี 63 จะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น(GPM)ได้มากกว่า 30% (เราประเมินไว้ที่ 31.5% เทียบ 62 ที่ 30.7%)

ดังนั้นด้วยรายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปี 63 - 64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 177 ล้านบาท +9% และปี 64 ที่ 198 ล้านบาท +12% ซึ่งสวนทางกับตลาดเครื่องดื่ม และ SSSG ของ 7-ELEVEN ที่ทั้งปีจะติดลบ

*** CPALL ยันขยายสาขาเพิ่มปีนี้ 700 แห่ง ตามเดิม จูงมือ TACC ไปกัมพูชาด้วย

แม้โควิด-19 จะทำให้ยอดขายของ CPALL ในปีนี้ดูไม่ดีนัก แต่บริษัทยังยืนยันว่าจะยังขยายสาขาตามแผนที่ตั้งไว้ เป็นผลดีกับ TACC ที่ต้องพึ่งพาการขยายสาขาของบริษัท

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ CPALL ระบุว่า ยังคงแผนขยายสาขาร้าน 7-ELEVEN จำนวน 700 สาขาในปี 63 ซึ่งขณะนี้ได้เปิดแล้ว 271 สาขา ทำให้ ณ ปัจจุบัน CPALL มีร้านในประเทศไทยทั้งหมดราว 12,000 สาขา และตั้งเป้าภายในปี 64 มีสาขาในประเทศไทยทั้งหมด 13,000 สาขา

นอกจากนี้ CPALL ยังได้เข้าทำสัญญาสำหรับดำเนินกิจการร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศกัมพูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีระยะเวลาสัญญา 30 ปี และสามารถต่อสัญญาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 20 ปี โดย CPALL เล็งเห็นศักยภาพธุรกิจค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อในกัมพูชา ซึ่งมีคู่แข่งไม่มาก โดย CPALL คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาในกัมพูชาได้ในปี 64 ซึ่ง TACC ก็จะได้สิทธิ์ขายน้ำในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่กัมพูชาด้วย

*** อัพไซด์ยังสูงมาก

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำ "ซื้อ" และจากราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ที่เฉลี่ย 6.16 บาท หากเทียบกับราคาปิดล่าสุด 4.96 บาท ก็ถือว่ามีอัพไซด์สูงถึง 24.19%

บล.	คำแนะนำ	ราคาเหมาะสม(บ.)
โนมูระ พัฒนสิน	ถือ	5
ฟินันเซีย ไซรัส	ซื้อ	5.80
ฟิลลิป	ซื้อ	6.50
หยวนต้า	ซื้อ	6.50
เคทีบี	ซื้อ	7
ราคาเฉลี่ย		6.16