Search

โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" PTG มองกำไร Q2/63 โตมากจาก Q1 รับผลบวกค่าการตลาดฟื้นตัวเด่น, ผลงาน H2 - อาร์วายที9

mscopcopcop.blogspot.com

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) หลังคาดผลกำไรไตรมาส 2/63 เติบโตกว่าไตรมาสแรก จากปริมาณขายน้ำมันและค่าการตลาดเพิ่มขึ้นหลังรัฐทยอยคลายล็อกมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะค่าการตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 1.95 บาท/ลิตรหลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่แนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งปริมาณขายและมาร์จิ้นยังคงดีต่อเนื่อง หากไม่มีการระบาดระลอกสอง รวมถึงมาตรการรัฐที่ออกมากระตุ้นการท่องเที่ยว ผลักดันให้ประชาชนเดินทางด้วยรถยนต์มากขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินทั้งปี 63 กำไรสุทธิอาจลดลงจากปีที่แล้ว เป็นผลจากการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS16 แต่ในด้านของกำไรปกติมีทิศทางที่ดีจากค่าการตลาดเพิ่มขึ้น และปริมาณการขายไม่ได้ลดลงมากนักจากสถานการณ์โควิด-19 บวกกับธุรกิจนอนออยล์ยังเห็นผลการเติบโตที่ดี

พักเที่ยงราคาหุ้น PTG อยู่ที่ 18.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.81% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.02%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ            ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ทิสโก้                            ซื้อ                     20.00
          ทรีนีตี้                            ซื้อ                     20.00
          ธนชาต                           ซื้อ                     20.00
          คันทรี่ กรุ๊ป                        ซื้อ                     21.60
          กสิกรไทย                     Outperform                 18.60

นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ PTG ในไตรมาส 2/63 เติบโตดีหลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสแรก โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 441 ล้านบาท เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 และเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายน้ำมันลดลงเพียง 2% จากไตรมาสแรก และลดลง 0.8% จากงวดปีก่อน โดยปริมาณขายน้ำมันลดลงมากถึง 5% ในเดือน เม.ย. ก่อนฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วในเดือน พ.ค.-มิ.ย.

ด้านค่าการตลาดน้ำมันฟื้นตัวขึ้นมาที่ 1.95 บาท/ลิตร จาก 1.60 บาท/ลิตรในไตรมาสแรก ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันผันผวน และดีขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 1.88 บาท/ลิตรในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายช่วยหนุนกำไรดีขั้น

อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมลดลงจาก 165 ล้านบาทในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 29 ล้านบาทในไตรมาสนี้ จากส่วนแบ่งกำไรธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ลดลงจากปริมาณการใช้น้ำมันลดลงและส่วนต่าง (สเปรด) ของราคาปาล์มที่ปรับตัวลดลงด้วย

"ภาพรวมการใช้น้ำมันในไตรมาส 2 ลดลงทั้งการใช้ดีเซลและเบนซิน แต่ PTG มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มขนส่งที่ใช้ดีเซล ช่วงล็อกดาวน์พวก passeger car หยุด แต่พวกขนส่งยังคงมีการเดินทางทำให้ดีเซลลดลงไม่มาก...ตอนแรกเรามองว่ากำไรเมื่อเทียบ year on year ไม่น่าจะเติบโตได้ แต่ประเมินล่าสุดพบว่าดีขึ้น outlook ก็ยังมองวอลุ่มยังดีมาก เดือนกรกฏาคมเติบโต 10% year on year ซึ่งกลับมาโตได้รวดเร็ว มาร์จิ้นก็ยังอยู่ระดับสูง 1.80-1.90 บาท/ลิตร ไม่มีอะไรกระทบต่อ PTG ในแง่สถานการณ์ปัจจุบัน"นักวิเคราะห์ ทิสโก้ กล่าว

นักวิเคราะห์รายเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ PTG ทั้งปี 63 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.46 พันล้านบาท ลดลง 6% จากปีที่แล้ว เป็นผลจากการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS16 แต่ในด้านกำไรปกติมีทิศทางที่ดี จากค่าการตลาดที่ดี และปริมาณขายที่ไม่ลดลงมากนัก และธุรกิจนอนออยล์ยังคงเห็นผลการเติบโตที่ดี

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินกำไรไตรมาส 2/63 ของ PTG ที่ระดับ 384 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 88% จากไตรมาสก่อน โดยในเดือน เม.ย. ที่มีการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง แต่หลังคลายล็อกดาวน์ ปริมาณการใช้น้ำมันกลับมาอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในไตรมาส 2/63 PTG มีปริมาณการขายลดลงเพียง 2% จากไตรมาสก่อน หรือมีปริมาณขายอยู่ราว 1,192 ล้านลิตร

ด้านค่าการตลาดคาดว่าจะอยู่ราว 1.95 บาท/ลิตร ดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่ทำได้เพียง 1.60 บาท/ลิตรเท่านั้น เนื่องจากช่วงเดือน มี.ค. ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับลดลงตาม ในขณะที่ PTG มีต้นทุนน้ำมันที่สูง แต่ในไตรมาส 2 สถานการณ์เป็นในทิศทางที่กลับกัน โดยราคาน้ำมันปรับเพิ่มมากขึ้นจากฐานราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำส่งผลให้มีมาร์จิ้นสูงขึ้น

ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังของปีนี้ ประเมินว่าหากในประเทศไม่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่ ปริมาณการเดินทางจะมากกว่าครึ่งปีแรก และส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้น จากข้อมูลพบว่าปริมาณการเดินทางของประชาชนในประเทศปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และหลาย ๆ มาตรการของรัฐที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวจะช่วยให้ประชาชนเดินทางโดยรถยนต์มากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ทั้งนี้ ประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการของ PTG ในช่วงไตรมาส 2-3 ของปีนี้ จะฟื้นตัวอย่างเด่นชัด ทั้งจากปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังยกเลิกคอร์ฟิว และค่าการตลาดที่ปรับดีขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุนน้ำมัน ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Market cap per station มีมูลค่าเพียง 13 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าการสร้างสถานีน้ำมันเองที่ต้องลงทุน 15-20 ล้านบาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินกำไรของ PTG ในไตรมาส 2/63 เติบโตมากกว่า 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือคิดเป็นกำไรมากกว่าระดับ 300 ล้านบาท จากค่าการตลาดที่ฟื้นตัวเด่น และประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ จะเติบโตกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก จากความต้องการใช้น้ำมันสำหรับการขนส่ง และการเดินทาง ที่จะเพิ่มขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และธุรกิจไบโอดีเซลที่จะฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังได้ Sentiment บวกจากการที่ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ทำธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสถานีบริการน้ำมันของ บมจ.ปตท.(PTT) เตรียมเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในช่วงปลายปีนี้ด้วย


Let's block ads! (Why?)




July 29, 2020 at 02:15PM
https://ift.tt/332WsFg

โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" PTG มองกำไร Q2/63 โตมากจาก Q1 รับผลบวกค่าการตลาดฟื้นตัวเด่น, ผลงาน H2 - อาร์วายที9

https://ift.tt/3gXnEKd


Bagikan Berita Ini

0 Response to "โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" PTG มองกำไร Q2/63 โตมากจาก Q1 รับผลบวกค่าการตลาดฟื้นตัวเด่น, ผลงาน H2 - อาร์วายที9"

Post a Comment

Powered by Blogger.